ทุกวันนี้กระแสการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มาแรงมาก ซึ่งใครหลายๆคนก็คงจะสงสัยว่าการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ว่านี้มันคืออะไร เพื่อไม่ให้ตกแทรนเราไปรู้จักการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กันดีกว่าครับ
การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หรือ Eco-Tourismนั้น โดยความหมายก็คือ
การพัฒนาการท่องเที่ยวที่ต้องใช้ธรรมชาติอย่างมัธยัสถ์ให้มีความมั่นคง
ยั่งยืน และในท้ายที่สุดจะต้องคืนทุนต่อสังคม
ซึ่งหมายถึงการให้ท้องถิ่นได้มีโอกาสตั้งแต่เริ่มรับรู้ตัดกระบวนการที่
สมบูรณ์ในการพิจารณาทั้งในเรื่องทุนธรรมชาติและทุนทางสังคม
ซึ่งส่งผลต่อทุนทางเศรษฐกิจที่ดำรงอยู่ได้
การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เป็นแนวความคิดที่เกิดขึ้นโดยมีสาเหตุมาจากแนวโน้ม
๒ ประการมาบรรจบกันคือ
แนวโน้มเกี่ยวกับการอนุรักษ์และแนวโน้มเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงเรื่อง
อุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยมีสาระสำคัญเรื่องแนวโน้มเรื่องการอนุรักษ์
เกิดจากการที่ประชาชนเพิ่มขึ้น และภาวะทางเศรษฐกิจถดถอยในหลายประเทศ
กิจกรรมการพัฒนาต่าง ๆ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การทำเหมืองแร่
และการเกษตรเกิดขึ้นภายในบริเวณทั่วไป
ซึ่งส่วนใหญ่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศ
จนทำให้ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรม
และผลที่ตามมาคือความไม่ยั่งยืนของการพัฒนาเศรษฐกิจ ทำให้ประเทศต่าง ๆ
ได้พยายามผสมผสานเรื่องของการอนุรักษ์เข้ากับการพัฒนาเศรษฐกิจ
การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการคือ องค์ประกอบแรก คือ การสร้างจิตสำนึกเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เพราะธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถือว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของแกล่งท่อง
เที่ยวธรรมชาติ
หากธรรมชาติและระบบนิเวศได้รับผลกระทบจากการใช้ประโยชน์ในรูปแบบใดก็ตาม
โอกาสที่ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะเสื่อมโทรมลงหรือถูกทำลายลงก็มีอยู่สูง
การให้ความรู้ความเข้าใจหรือการสร้างจิตสำนึกแก่นักท่องเที่ยวหรือผู้มา
เยือนจึงเป็นสิ่งสำคัญ
องค์ประกอบข้อ 2 คือความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว
ซึ่งมีความสัมพันธ์กับองค์ประกอบแรกโดยตรง
เพราะนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มักเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความปรารถนา
หรือสนใจที่จะศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติในลักษณะต่าง ๆ
และสภาพภูมิทัศน์ตามธรรมชาติ
ตลอดจนธรรมชาติที่ยากลำบากต่อการเดินทางและท้าทาย
องค์ประกอบที่ 3 คือ การมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น
เพราะการท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของ
ชุมชนท้องถิ่นในระยะยาวมากว่ากิจกรรมอื่น ๆ
การเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในรูป
แบบต่าง ๆ
จะช่วยให้ชุมชนได้รับผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อม
รูปแบบของการมีส่วนร่วมของชุมชน ได้แก่
การลงทุนเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกขนาดเล็กที่ส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่ำ
การเป็นมัคคุเทศก์
การนำสินค้าที่เป็นศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านมาขายแก่นักท่องเที่ยว
และการจ้างงานในส่วนบริการอื่น ๆ เป็นต้น
การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์นั้น มีความแตกต่างจากการท่องเที่ยวแบบเดิม
กล่าวคือ
การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์จะมีขอบข่ายในการพิจารณาที่ลึกซึ้งและให้ความ
สำคัญกับการอนุรักษ์เป็นหลัก ซึ่งสามารถระบุวัตถุประสงค์ได้ 4 ประการ คือ
1. เพื่อพัฒนาจิตสำนึกและความเข้าใจของนักท่องเที่ยวในการทำคุณประโยชน์แก่สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ
2. เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ที่มีคุณภาพหรือคุณค่าสูงให้แก่นักท่องเที่ยวหรือผู้มาเยือนแหล่งท่องเที่ยว
3. เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชุมชนที่แหล่งท่องเที่ยวตั้งอยู่
4. เพื่อดูแลรักษาและคงไว้ซึ่งคุณภาพสิ่งแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยว
นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต
ความเป็นอยู่ที่น่าสนใจของชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมด้วย
อ้างอิง
International Public Relations Division
Tourism Authority of Thailand
Web site: www.tatnews.org
http://www.tatnews.org/tat_release/detail.asp?id=5415